ข่าวประชาสัมพันธ์

ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ปักหมุดไชน่าทาวน์เปิดตัวโรงแรม ‘อาศัย’ แห่งแรก พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลไตรมาสแรกปี 2563

กรุงเทพฯ 27 สิงหาคม 2562ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศความพร้อมในการดำเนินโครงการโรงแรม “อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์” (ASAI Bangkok Chinatown) หลังลงนามในสัญญาเช่าระยะยาวกับบริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด เพื่อพัฒนาและดำเนินงานโครงการ “อาศัย” (ASAI)  ใจกลางไชน่าทาวน์ที่มีชื่อเสียงของไทย พร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เผยเป็นโรงแรมแห่งแรกที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ “อาศัย” ซึ่งเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ในราคาเข้าถึงได้สำหรับนักเดินทางกลุ่มมิลเลนเนียล โดยตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดบนถนนเยาวราช

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า จุดเด่นของโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ นอกจากจะอยู่ในทำเลใจกลางเยาวราช ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักตามวิถีชีวิตที่แท้จริงของชุมชนแล้ว ลูกค้าของโรงแรมยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่และน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นวัด ศาลเจ้า หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ รวมถึงคาเฟ่ร่วมสมัยที่แทรกตัวอยู่ในตึกเก่าของเยาวราช และร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดส์ริมทางมากมาย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง โดยที่ตั้งของโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์นี้ ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีวัดมังกร ที่เชื่อมต่อพื้นที่เยาวราชกับย่านอื่นๆ ของเมืองเพียง 100 เมตรเท่านั้น

“การลงทุนในโรงแรม อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ เป็นการเน้นย้ำความมุ่งมั่นของเรา ที่จะมอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับลูกค้า โดยเฉพาะนักเดินทางกลุ่มมิลเลนเนียลที่นิยมการใช้ชีวิตแบบสัมผัสกับชุมชน ในราคาที่เข้าถึงได้ รวมทั้งยังตอกย้ำแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนให้กับการดำเนินงานธุรกิจของกลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ผ่านการกระจายการลงทุนที่จะสร้างโอกาสและศักยภาพในการเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต ซึ่งเรามั่นใจว่า โรงแรมภายใต้แบรนด์ “อาศัย” แห่งแรกนี้ จะเป็นอีกหนึ่งโครงการลงทุนที่ตอบแนวคิดหลักในการสร้างความยั่งยืนให้กับกลุ่มดุสิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว 

ทั้งนี้ โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ จะถูกพัฒนาอย่างสอดคล้องกับเสาหลักทั้งสี่ของแบรนด์ “อาศัย” ประกอบด้วย ความเอาใจใส่ในองค์ประกอบ (Thoughtful Essentials)  ด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้สอยด้วยความใส่ใจในรายละเอียด, การจัดสรรพื้นที่เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ (Common Areas) โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางสำหรับแขกและลูกค้าในท้องที่, การยึดแนวคิดสถานที่คือแรงบันดาลใจ (Locally Inspired)   เพื่อสร้างความเข้าถึงความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง และการเชื่อมต่อผู้คนจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง (Connected Community)

โดยโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ จะมีห้องขนาดกะทัดรัดตั้งแต่ 18-22 ตารางเมตร จำนวน 224 ห้อง ซึ่งการออกแบบจะเน้นความร่วมสมัยระหว่างไทย-จีน โดยเน้นการใช้งานเพื่อความสะดวกสบายในระดับมาตรฐาน เช่น เตียงคุณภาพดีเยี่ยม และฝักบัวอาบน้ำแรงดันสูง  ในขณะเดียวกัน พื้นที่ส่วนกลางจะเน้นการรวมพื้นที่ให้มีความกว้างเพื่อตอบสนองการทำงานที่สะดวกสบายและการทำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีบาร์สำหรับบริการเครื่องดื่ม และร้านอาหารแบบป๊อปอัพที่มีเมนูตามฤดูกาลที่ได้รับความร่วมมือจาก Paolo Vitaletti และ Jarrett Wrisley of Appia, Peppina และร้านอาหาร Soul Food โดยจะใช้สมุนไพรและผักสดจากสวนออร์แกนิกมาเป็นวัตถุดิบ และเพื่อส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน โรงแรมยังได้ร่วมมือกับ Akha Ama ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือสังคมในการปลูกกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อจัดหาเมล็ดอาราบิก้า 100% จากโครงการมาบริการให้กับลูกค้าของโรงแรมอีกด้วย

ด้านนายศิรเดช โทณวณิก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ASAI Hotels กล่าวว่า โรงแรมอาศัย แต่ละแห่งได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจ เพื่อสะท้อนโครงสร้างของพื้นที่ใกล้เคียงและเพื่อดึงดูดความสนใจและความคาดหวังของนักเดินทางและผู้ท่องเที่ยวที่นิยมแสวงหาการใช้ชีวิตแบบมีส่วนร่วมในชุมชนอย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่า โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ “อาศัย” แห่งแรกจะสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดและทำเลที่ตั้งดีเยี่ยมใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินใหม่ ทำให้เชื่อว่า โรงแรมนี้เป็นที่รู้จักและจะอยู่ในใจของนักเดินทางกลุ่มมิลเลนเนียลที่รอเวลามาสัมผัสกับสีสันและความคึกคักของย่านเยาวราช

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ASAI Hotels กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากโรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ แล้ว แบรนด์ “อาศัย” ยังมีโรงแรมอีก 5 แห่งที่อยู่ในแผนดำเนินงานในระยะต่อไป ได้แก่  โรงแรมอาศัย จำนวน 3 แห่งในเซบู ฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่งในย่างกุ้ง เมียนมา ซึ่งอยู่ในเขตเมืองยานคินอันเก่าแก่ และอีก 1 แห่งจะเป็นโรงแรมแห่งที่สองในกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในเขตสาทร โดยคาดว่า จะทยอยเปิดให้บริการได้ตั้งแต่กลางปี ​​2563 เป็นต้นไป