กิจกรรมบริษัท

สวมหัวใจเจ้าของธุรกิจแบบนี้เราจึงจะอยู่รอด

From pop-up restaurants to food delivery, discover how Dusit Hotels and Resorts in Thailand are thinking like entrepreneurs to create opportunities from challenges.

ชวนอ่านสปิริตความใจสู้ของเหล่าทีมงานโรงแรมเครือดุสิตในประเทศไทยที่สวมหัวใจเจ้าของกิจการ เดินหน้าหารายได้เพิ่มทดแทนนักท่องเที่ยวที่หดหายไป

นักท่องเที่ยวที่หดหายไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งมีสัดส่วนถึง 70% ของจำนวนทั้งหมดในตลาดท่องเที่ยวไทยส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศให้อยู่ในสภาวะซบเซา ซึ่งธุรกิจโรงแรมเองที่เป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศน์ก็ย่อมกระทบกระเทือนไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากผลกระทบรุนแรงที่ส่งผลต่อรายได้จากการทำธุรกิจ โดยเฉพาะรายได้จากห้องพักที่หดหายไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้โรงแรมเครือดุสิตในประเทศ ตั้งแต่กรุงเทพฯ ไปจนถึงเชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต ลุกขึ้นมาระดมพลังสมอง ความรู้ ความชำนาญ ความคิดสร้างสรรค์ และทรัพยากรทุกอย่างที่มี เพื่อคิดหาช่องทางและวิธีใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ที่จะมาทดแทนรายได้จากห้องพักที่หายไปเพื่อให้โรงแรมสามารถอยู่รอดได้

สิ่งที่ชาวดุสิตในโรงแรมและรีสอร์ตในประเทศไทยเหล่านี้ทำแสดงให้พวกเราได้เห็นถึงสปิริตอันยอดเยี่ยม ที่ทุกคนลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อเอาชนะข้อจำกัดและความท้าทายที่เข้ามาประหนึ่งว่ากำลังสู้เพื่อกิจการของตัวเอง หรือที่เราเรียกว่ามี entrepreneurial mindset ทำงานด้วยการสวมหัวใจเจ้าของธุรกิจหรือกิจการนั่นเอง

มาดูกันว่าโรงแรมพี่น้องของเราเขาสู้สุดใจกันอย่างไรบ้าง ตามมาได้เลย

จากความนิยมที่แขกของโรงแรมมีให้กับปาท่องโก๋ที่เสิร์ฟระหว่างอาหารเช้ามาเป็นเวลานาน ทีมงานโรงแรมดุสิตธานี พัทยา จึงนำข้อได้เปรียบตรงนี้มาต่อยอดเปิดร้านสไตล์ป๊อปอัพชื่อ D-JAI To Go ขายปาท่องโก๋ และชา กาแฟคุณภาพพรีเมียมในบริเวณพื้นที่ด้านนอกตัวโรงแรมเพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปมามองเห็นได้ง่าย

ด้วยรสชาติความอร่อยและคุณภาพของปาท่องโก๋และเครื่องดื่ม บวกกับบริการมาตรฐานระดับห้าดาวของดุสิต เพียงไม่นานร้านก็เป็นที่โจษจันของคนท้องถิ่น ดึงดูดลูกค้าในชุมชนและละแวกใกล้เคียงเข้ามาอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของพัทยาที่มีการนำไปลงสื่อทั้งโซเชียลมีเดียและสื่อกระแสหลักมากมาย

นอกจากปาท่องโก๋ ชาและกาแฟแล้ว ร้านใจดีทูโกยังมีเมนูอาหารเช้าเตรียมให้บริการลูกค้าทั้งแบบซื้อกลับบ้านหรือจะรับประทานที่ร้าน ทำให้ร้านกลายเป็นที่ฮ็อตฮิตของพัทยาที่ใครๆ จะต้องมาเช็คอิน ในแต่ละวันมีลูกค้ามายืนต่อคิวรอกันยาวเหยียด ดีมานด์พุ่งขึ้นจนทำให้ทางโรงแรมต้องเพิ่มปริมาณแป้งที่นวดเตรียมทำปาท่องโก๋ จากเดิม 10 กิโลกรัมต่อวันมาเป็น 100 กิโลกรัม และสำหรับคนที่อยากสั่งจองก็ต้องสั่งล่วงหน้าไว้ 1 วัน

ทีมงานยังมองการณ์ไกลเปิดบัญชีออนไลน์ของร้านป๊อปอัพนี้ในช่องทางโซเชียลมีเดียทั้ง Line และ Facebook เพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางนี้ได้ด้วย ​

ไม่ใช่แค่ที่พัทยาเท่านั้น โรงแรมพี่โรงแรมน้องอย่าง ดุสิตธานี หัวหิน, ดุสิต ปริ้นเซส เชียงใหม่, ดุสิต ปริ้นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ และร้านอาหารบ้านดุสิตธานี ก็เป็นที่ฮือฮาเช่นเดียวกันด้วยร้านป็อปอัพเปิดขายอาหารเช้าเมนูยอดนิยมที่เปี่ยมคุณภาพในราคาสุดคุ้มเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าในช่วงสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้

นอกเหนือจากการเปิดร้านป๊อปอัพ ทีมที่ดุสิตธานี หัวหินและดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ยังหาช่องทางหารายได้เพิ่มอีกด้วยบริการส่งอาหารแบบมีลแพลน (สไตล์เดียวกับการผูกปิ่นโตแบบสมัยก่อน) ให้กับลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการ โรงพยาบาลและตามโรงเรียนต่างๆ ในท้องถิ่น ส่วนชาวดุสิต ปริ้นเซส เชียงใหม่ นำเมนูติ่มซำที่เป็นที่เลื่องลือได้รับความนิยมจากแขกและลูกค้ามาจัดทำเป็นอาหารแช่แข็งส่งตรงถึงบ้านสามารถหยิบมาอุ่นรับประทานร้อนๆ ได้ทุกเวลา

ทั้งหมดข้างต้นคือตัวอย่างของความพยายามและความมุ่งมั่นของพี่น้องชาวดุสิตที่โรงแรมหลายแห่งของเราช่วยกันคิดและลงมือทำในทันทีเพื่อช่วยโรงแรมให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนรู้สึกขอบคุณและชื่นชมอย่างมาก เดอะล็อบบี้ขอใช้พื้นที่ตรงนี้มอบการยกย่องและเสียงปรบมือดังๆ ให้กับเพื่อนพนักงานดุสิตที่ทำงานด้วยการสวมหัวใจเจ้าของกิจการทุกๆ คน

เพื่อนพนักงานอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง แชร์ความเห็นของคุณ หรือจะแสดงความชื่นชม ให้กำลังใจก็ส่งตรงได้ในช่องคอมเม้นต์ด้านล่างค่ะ ​