ข่าวประชาสัมพันธ์

‘‘ดุสิตธานี’ ฝ่าวิกฤติโควิด-19 เผยผลประกอบการไตรมาสแรกกำไร 74 ล้านบาท ผลจากจัดโครงสร้างการเงิน-กระจายความเสี่ยงลงทุน ลุ้นรายได้โรงแรมในต่างประเทศฟื้น

กรุงเทพฯ 18 พฤษภาคม 2564 : ดุสิตธานี เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2564 รายได้รวม 1,311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีรายได้รวม 1,262 ล้านบาท ขณะที่ 3 เดือนแรกของปีนี้แม้จะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 2 แต่ก็ยังสามารถทำกำไรสุทธิได้ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ขาดทุนสุทธิ 82 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระจายการลงทุนเพื่อสร้างการรับรู้รายได้ในธุรกิจที่มีความหลากหลาย

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาความสามารถในการทำกำไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเพื่อรอวันฟื้นตัวเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายหลังจากที่มีการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง แต่ก็ต้องยอมรับว่า การที่บริษัทฯ สามารถมีผลประกอบการที่มีกำไรสุทธิได้ในภาวะเช่นนี้เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับฝ่ายบริหารและพนักงานทุกคน

“ผลการดำเนินงานที่เป็นบวกในไตรมาสนี้ เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินที่บริษัทฯ ได้วางแผนไว้ ทั้งจากการลงทุนที่ผ่านมาและจากโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” รวมถึงการรับรู้ผลกำไรจากการกระจายการลงทุนไปในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตลอดจนการบริหารและการควบคุมต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างเคร่งครัดที่เราดำเนินการมาตลอดปีที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพย์สินที่เรามีอยู่ (Asset Optimization) การบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Rationalization) และการรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการเงินลงทุน (Gain from Sales of investment) ทำให้เรามีฐานการเงินเพียงพอที่จะรองรับวิกฤติที่เข้ามากระทบในช่วงนี้” นางศุภจีกล่าว

แม้ว่าภาพรวมของสถานการณ์โรงแรมในประเทศไทย จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 2 ซึ่งเป็นคลัสเตอร์สมุทรสาครในช่วงเดือนมกราคม แต่สถานการณ์ดังกล่าวอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ไม่กระจายไปทั่วประเทศ ทำให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ โรงแรมในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงทำรายได้ทั้งจากค่าห้องพัก (Room) และรายได้ที่ไม่ใช่ห้องพัก (Non-Room) เช่น การตั้งร้านป๊อบอัพสำหรับจำหน่ายอาหาร การส่งอาหารแบบดิลิเวอรี่ รวมถึงการให้บริการอื่นๆ ของ Dusit on Demand ซึ่งเป็นความพยายามปรับ Business Model หรือโครงสร้างธุรกิจเพื่อรับมือกับโควิด-19 และทุกโรงแรมสามารถทำได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีในต่างประเทศสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ จากการแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน โดยหลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ไปแล้ว ทำให้ธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ ซึ่งโรงแรมในต่างประเทศของกลุ่มดุสิตธานีสามารถทำผลงานได้ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งในประเทศจีน ประเทศแถบตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และมัลดีฟส์ สะท้อนให้เห็นว่าการกระจายการลงทุนของดุสิตธานีที่มีทั้งโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ ที่สามารถตอบโจทย์การกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังทำการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งเป็นงานหลังบ้านที่เมื่อสามารถปรับกระบวนการทำงานได้แล้วก็จะทำให้องค์กรมีความกระชับขึ้น คล่องตัวขึ้น และใช้เป็นคลัสเตอร์ โมเดล ที่พนักงานสามารถทำงานได้หลายหน้าที่ และสามารถแบ่งปันทรัพยากรในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเรื่องการประหยัดต้นทุน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ

“ถึงแม้บริษัทฯ จะสามารถทำกำไรสุทธิได้ในภาวะที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผลประกอบการในไตรมาสนี้ ยังไม่ได้สะท้อนการระบาดของโควิดระลอก 3 ซึ่งกระจายเป็นวงกว้างทั่วประเทศ และคาดว่าจะส่งผลกดดันผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ที่อัตราการฉีดวัคซีน ซึ่งผู้ประกอบการทุกคนยังคงต้องระมัดระวังในการบริหารสภาพคล่องและเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อรองรับสถานการณ์ตลอดเวลา ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานีกล่าว