ประวัติและพัฒนาการที่สำคัญ

ด้วยรากฐานที่มั่นคงในอดีต สู่การก้าวไปอย่างยั่งยืนในอนาคต

กลุ่มดุสิตธานี มีประสบการณ์อันเชี่ยวชาญกว่า 70 ปีในธุรกิจโรงแรมและการให้บริการต้อนรับ โดยย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2491 ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง ได้เริ่มก่อสร้าง โรงแรมปริ๊นเซส บนถนนเจริญกรุง และสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2492 ซึ่งนับเป็นโรงแรมแรกๆ ในกรุงเทพฯ ที่มีสระว่ายน้ำ เครื่องปรับอากาศ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยครบครัน ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของท่าน ที่ต้องการนำเอามาตรฐานการบริการแบบสากลมาให้บริการอย่างกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมแบบไทยๆ

ท่านผู้หญิงชนัตถ์ มีความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว และมั่นใจว่า วิธีการที่จะผลักดันให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในเวทีโลกคือการสร้างโรงแรมที่มีความโดดเด่น และดีที่สุด ตามมาตรฐานสากลที่กลมกลืนไปกับรายละเอียดของการตกแต่งและการให้บริการที่ยึดขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยที่มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นหลัก

จากความเชื่อส่วนตัวดังกล่าว ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นความเชื่อของชาวดุสิต 4 ประการ ได้แก่ มีความกล้าที่จะทำสิ่งที่ยิ่งไหญ่ การสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน การทำให้ดีที่สุด และการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ความฝันอันยิ่งใหญ่ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ เป็นความจริงขึ้นมาในปี 2513 เมื่อเราเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ในปี พ.ศ. 2513 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานการโรงแรมของไทย ไม่ว่าจะในด้านของการเป็นโรงแรมไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศ และเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามีระดับ สำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กลายเป็นต้นแบบของโรงแรมหรูระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ ให้กับโรงแรมอื่นๆ และยังเป็นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทในการขยายกิจการไปทั่วประเทศไทย และขยายออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งต่อมายังเป็นโรงแรมต้นแบบที่เปิดโอกาสให้ท่านผู้หญิงได้บรรลุความฝันในการสร้างโรงเรียนการโรงแรม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนให้กับอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย

ท่านผู้หญิงเลือกชื่อ “ดุสิตธานี” มาเป็นชื่อของโรงแรม และชื่อของบริษัท เนื่องจากเป็นคำไทยที่ออกเสียงง่าย มีความหมายที่เป็นมงคล คือ แดนสวรรค์ชั้นดุสิต (หรือสวรรค์ชั้น 4) และยังเป็นนามมงคลที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานเรียกเมืองจำลองต้นแบบประชาธิปไตยในปีพ.ศ. 2461 ดังนั้น ชื่อดุสิตธานี จึงบ่งบอกถึงการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับมาตรฐานของตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับความปรารถนาของท่านผู้หญิงที่จะสร้างโรงแรมที่มีระดับมาตรฐานสากล ที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมไทยอันอ่อนน้อม และงดงาม และโดดเด่นมีเอกลักษณ์

วันนี้ คติความเชื่อของท่านผู้หญิงได้เติบโตจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ซึ่งเป็นต้นแบบ และถ่ายทอดไปสู่ 5 ธุรกิจหลัก ซึ่งได้แก่ ธุรกิจโรงแรม (Dusit Hotels & Resorts), ธุรกิจอาหาร (Dusit Foods), ธุรกิจการศึกษา (Dusit Hospitality Education), ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Property Development), และธุรกิจการให้บริการที่เกี่ยวข้อง (Hospitality-related services)

ซึ่งการเติบโตของแต่ละกลุ่มธุรกิจ เกิดจากการนำเอาความแข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของการให้บริการโรงแรมแบบครบวงจร มาพัฒนาต่อยอดเพื่อขยายการเติบโตให้กับกลุ่มดุสิตธานี

ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจประเภทใด หรือจะอยู่ที่ส่วนใดในโลก ชาวดุสิตธานีจะน้อมนำแนวคิดและความเชื่อของท่านผู้หญิงชนัตถ์ มาผสานรวมกับวิถีการดำเนินงานและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความสมดุล สร้างความเติบโต และกระจายความเสี่ยงในธุรกิจของเรา เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกท่าน

พัฒนาการที่สำคัญ

กลุ่มดุสิตธานีมีการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียที่แตกต่างๆ ไป นับตั้งแต่การก่อตั้งแบรนด์ดุสิตธานีในช่วงทศวรรษ 1970 สู่การขยายกิจการด้วยการเติบโตแบบที่ไปรับจ้างบริหารโรงแรมในต่างประเทศ (Asset Light) ในช่วงทศวรรษ 1980 และการสร้างแบรนด์โรงแรมใหม่ในช่วงทศวรรษ 2000 ประวัติและพัฒนาการสำคัญๆ ของโรงแรมนับเป็นแรงบันดาลใจในการผลักดันก้าวแห่งความยั่งยืนต่อไปของกลุ่มดุสิตธานี