สารจากประธานกรรมการ


เรียน ผู้ถือหุ้น

ปี 2566 นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจากภายใน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในโลกยุคหลังการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ โดยกลุ่มดุสิตธานีประสบความสำเร็จในการขยายกิจการไปยังภูมิภาคต่างๆ ด้วยการเปิดตัวโรงแรมในจุดหมายปลายทางใหม่ๆ พร้อมกับการสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ซึ่งความสำเร็จนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของกลุ่มดุสิตธานี รวมถึงความทุ่มเทของคณะผู้บริหารและทีมงานฝ่ายปฏิบัติการในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทาย โดยเฉพาะผลกระทบที่ยืดเยื้อจากการระบาดของ COVID-19 และปัญหาสงครามในยูเครน ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีความล่าช้าและไม่สม่ำเสมอ ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงจากร้อยละ 3.5 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.0 ในปี 2566 และเหลือร้อยละ 2.9 ในปี 2567 ซึ่งการชะลอตัวนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศในตลาดเกิดใหม่ และประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงไม่กลับสู่เป้าหมายจนกว่าจะถึงปี 2568 ในประเทศเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของโลก

"นอกเหนือจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจแล้ว รูปแบบพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวยังเปลี่ยนไป เนื่องจากการระบาดของCOVID-19 ใหญ่ ทำให้นักเดินทางหันมาจัดลำดับและให้ความสำคัญกับประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ เช่น การมีสุขภาวะที่ดี วัฒนธรรม พื้นถิ่น และการเชื่อมต่อกับวิถีธรรมชาติ ซึ่งความชอบในลักษณะนี้น่าจะเป็นที่นิยมไปตลอดทั้งปี"

ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ภูมิทัศน์ของการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ ทีมผู้บริหารของดุสิตฯ จึงได้ ปรับกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่เสาหลักสี่ประการที่เป็นเอกลักษณ์ในการให้บริการของดุสิต ได้แก่ การให้บริการ ความเป็นอยู่ที่ดี การเชื่อมต่อกับท้องถิ่น และความยั่งยืน โดยทุกหน่วยงานได้ ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งคณะกรรมการและผมมีความยินดีที่ได้คอยกำกับดูแลและให้นโยบาย สำหรับโครงการต่างๆ เหล่านี้ ที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่ม และทำให้บริษัทมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นในปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ส่งผลให้ ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้รับรางวัล “นักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น” อันทรงเกียรติ จากงาน SET Awards และรางวัล “การกำกับดูแลกิจการที่เป็นเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย รางวัลเหล่านี้ นอกจากจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสื่อสารที่เปิดเผย ถูกต้องตามหลักจริยธรรมแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้บริษัทในการยกระดับมาตรฐานการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียมั่นใจว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนของดุสิตฯ จะวางอยู่บนรากฐานของความไว้วางใจและการให้คุณค่าร่วมกัน

ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่จะถึง บริษัทเตรียมการที่จะฉลองครบรอบ 75 ปีของการดำเนินงานของกลุ่ม ดุสิตธานี ท่ามกลางโอกาสและความท้าทาย โดยบริษัทจะนำความสำเร็จในปีที่ผ่านมา มุมมองที่ เป็นบวกกับสถานการณ์ และความเชื่อมั่นในพลังของการให้บริการต้อนรับอย่างมีน้ำใจแบบไทย มาเป็นเครื่องมือในการนำพาดุสิตก้าวไปข้างหน้า ขยายกิจการให้เติบโต และนำโรงแรมเรือธง ดุสิตธานี กรุงเทพฯ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

การกลับมาของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ใหม่ จะเป็นการสานต่อเจตนารมย์เดิมที่เคยทำให้ ดุสิตธานี เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยการพลิกโฉมนิยามของความหรูหรา ร่วมสมัย แบบไทยประยุกต์ อันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตธานี เป็นสวรรค์ของการพบปะสังสรรค์ที่จะสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นห้องบอลรูมสำหรับจัดเลี้ยงที่กว้างขวาง พื้นที่รับประทานอาหาร สถานที่ดูแลสุขภาพ และห้องประชุม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ใหม่ จะสร้างมาตรฐานของการให้บริการต้อนรับที่หรูหราเหนือระดับยกระดับชื่อเสียงของดุสิตในเวทีระดับโลก เรากำลังจะกำหนดนิยามใหม่ของศิลปะแห่งการเดินทางสำหรับคนรุ่นต่อไป เฉกเช่นเดียวกับที่โรงแรมเดิมเคยสร้างปรากฎการณ์ในตอนเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2513

ในนามของคณะกรรมการ ผมขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อพันธมิตร พนักงาน แขก และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่าน ความไว้วางใจ และการสนับสนุนของท่านคือแรงผลักดัน และแรง บันดาลใจ ให้เราสร้างผลกระทบเชิงบวกในทุกที่ ขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของดุสิต

ขอแสดงความนับถือ

นายอาสา สารสิน

ประธานกรรมการ และกรรมการอิสระ