


Excellence beyond hotels
Financial instruments and adjacent lines of business designed to generate revenue and leverage existing expertise



Founded in 2000, Devarana Spa is Dusit’s luxury spa chain designed to deliver outstanding services at selected Dusit Hotels & Resorts worldwide. Inspired by the descriptions of celestial gardens in ancient Thai literature, each Devarana Spa features luxuriously appointed treatment rooms where lighting, décor, music, scents, and the expert touch of highly trained therapists all combine to calm the mind and promote relaxation.
The spa’s extensive menu offers a range of massages, facial and body treatments, water treatments, beauty treatments and spa exclusive programmes all delivered with the Thai-inspired gracious hospitality for which Dusit is renowned. Own-brand spa products are also sold at each location.

กรุงเทพฯ 19 พฤศจิกายน 2563 : กลุ่มดุสิตธานีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) ปี 2563 รายได้รวม 643 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (QoQ) ซึ่งมีรายได้รวม 424 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 219 ล้านบาทหรือ 51.65% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งมีรายได้รวม 1,621 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ชี้สะท้อนเห็นสัญญาณการฟื้นตัวรายไตรมาสที่ชัดเจนมากขึ้น มั่นใจไตรมาสสุดท้ายของปี ภาพรวมอุตสาหกรรมทยอยปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะที่ธุรกิจอาหารภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานีมีแนวโน้มสดใส
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะมีผลขาดทุนสุทธิ 343 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 878 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 51 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว แต่เมื่อพิจารณาผลประกอบการเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) บริษัทฯ เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของธุรกิจชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเฉพาะรายได้รวมที่กลับมาเพิ่มถึง 51.65% จากไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นผลจากการที่ธุรกิจสามารถทยอยกลับมาให้บริการต่างๆ ได้อีกครั้ง
“หลังจากปีนี้เราได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสแรกต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 2 แบบเต็มไตรมาส ทำให้รายได้จากการขายและการบริการลดลง แต่ในไตรมาสที่ 3 สัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ทั้งจากธุรกิจโรงแรมที่เริ่มมีอัตราการเข้าพักและรายได้เฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธุรกิจการศึกษาเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการกลับมาเปิดการสอนของโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร และธุรกิจอาหารก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนใน The Caterers ในประเทศเวียดนามตามแผนการขยายธุรกิจของบริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง (Epicure Catering) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่กลุ่มดุสิตธานีเข้าไปถือหุ้น” นางศุภจีกล่าว
นอกจากนี้ กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ติดลบ 53 ล้านบาท น้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ติดลบ 207 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับแผนธุรกิจ ตลอดจนปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการที่บริษัทฯ มีมาตรการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
สำหรับในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจจะทยอยฟื้นตัว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางมากขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานีได้นำเสนอกลยุทธ์การขายและแนวทางการทำตลาดใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ รวมถึงมีแผนที่จะเปิดโรงแรมใหม่ที่ประเทศสิงคโปร์ภายใต้สัญญารับจ้างบริหาร ซึ่งจะทำให้จำนวนโรงแรมที่เปิดในปีนี้ครบ 5 แห่งตามแผนที่วางไว้ โดยปัจจุบันได้เปิดไปแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตดีทู ซัลวา โดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อเดือนมีนาคม โรงแรมดุสิต รีสอร์ท กวม ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมิถุนายน โรงแรมดุสิตธานี เวลเนส รีสอร์ท ที่เมืองซูโจว ประเทศจีน เมื่อเดือนกรกฎาคม และโรงแรม อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ในขณะที่ธุรกิจการศึกษา มีแนวโน้มดีขึ้นจากจำนวนนักศึกษาใหม่เพิ่มขึ้นของวิทยาลัยดุสิตธานี และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหลักสูตรของโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารส่งสัญญาณบวกมากขึ้น โดยบริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง เริ่มรับรู้รายได้อย่างเต็มจำนวนหลังจากโรงเรียนนานาชาติกลับมาเปิดดำเนินการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงเรียนนานาชาติที่เซ็นสัญญามาใหม่ เช่น King’s College , Verso, ICS Udon Thani และ Lycée Français International de Bangkok นอกจากนี้ธุรกิจอาหาร NRF ที่ดุสิตเข้าลงทุนก็สามารถทำ IPO ได้ประสบความสำเร็จ โดยมีราคาตลาดที่สูงกว่าราคาจองซื้ออย่างมาก รวมถึงธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Kauai” (คา-วา-อิ) เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากที่เพิ่มจำนวนจุดขาย Grab & Go ทำให้ปัจจุบันมีจุดขายทั้งหมด 4 แห่ง ประกอบด้วย เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ วิสซ์ดอม 101 ซึ่งเป็นสาขาแรก สยามดิสคัฟเวอรี เอ็มไพร์ทาวเวอร์ และเอ็มควอเทียร์
ทางด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มีความคืบหน้าไปมาก โดยการก่อสร้างอยู่ระหว่างการดำเนินการโครงสร้างใต้ดิน (Sub-structure) และประมูลผู้รับเหมาหลัก และสามารถสรุปการขาย และทยอยลงนามในสัญญาไปแล้วบางส่วน
“ต้องยอมรับว่า แม้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ยังมีผลขาดทุนสุทธิ แต่ภาพรวมของธุรกิจถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะเราได้ผ่านช่วงเวลายากลำบากที่สุดมาแล้วจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแพร่ระบาด ความรู้ความเข้าใจในการดูแลตัวเองของประชาชน รวมถึงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่มดุสิตธานีจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่เราใช้สถานการณ์นี้เป็นโอกาสในการใช้เวลาที่ทุกอย่างหยุดชะงักกลับมาจัดการปรับโครงสร้างองค์กร วางแผนการทำงาน วางแผนการตลาดให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ การสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างองค์กร ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนผ่านความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของกลุ่มดุสิตธานีที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานีกล่าว



Converted from Dusit Thani Freehold and Leasehold Property Fund (DTCPF) in late 2017, Dusit Thani Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (DREIT) is focused on investing in high potential freehold or leasehold properties, as well as assets related to hotel business.
The Trust also aims to renovate and enhance existing assets – including Dusit Thani Laguna Phuket, Dusit Thani Hua Hin, dusitD2 Chiang Mai, and Dusit Thani Maldives – with a view to generating long-term sustainable income and returns for trust unitholders.



Designed to leverage the strength of the Dusit Thani brand and the extensive experience of the Dusit Thani Bangkok hotel team, Dusit Hospitality Services Co (DHS) was formed in early 2019 comprising three new business units offering specialised services for hotels and hospitality businesses based in Bangkok.
The business units include Dusit Events, a high-end catering service for corporate, government and social events; Dusit on Demand, an on-demand housekeeping, engineering, banqueting, and stewarding service; and Pre-opening Services, for various hotels and restaurants in the city. Many well-known corporations are among DHS’s regular clients.



Our strategic partner FavStay, a Thai hospitality startup offering condos and villas for rent across Southeast Asia, continues to go from strength to strength, with more than 30,000 units listed in its portfolio. Established in 2015, the company is focused on differentiating itself via a consolidation of guest and property owner relations in one single platform, with additional support services offered to both for a more complete guest and owner experience.



The sister brand of Devarana Spa, Namm Spa offers high-quality spa experiences conducted using botanical ingredients in sleek, contemporary surrounds. In addition to outlets at full-service, deluxe Dusit-branded hotels in Abu Dhabi, Bhutan, Dubai and the Philippines, Namm Spa also operates a flagship, standalone venue at Samyan Mitrtown shopping mall on Rama IV Road in Bangkok.


